มีแค่ตำแหน่งกับอำนาจไม่พอ! อยากพาทีมไปรอด ผู้นำต้องมี 7 ทักษะนี้
จะเป็นผู้นำที่ไม่พาทีมคว้าน้ำเหลว ลูกน้องรักและเคารพต้องมีทักษะอะไรบ้าง? ( 7 ทักษะเพื่อเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ )
ผู้นำที่ประสบความสำเร็จในยุคปัจจุบันต้องมีทักษะมากกว่าการวางแผน การแก้ปัญหา และการมอบหมายงานเท่านั้น ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้นำต้องสามารถปรับตัวและนำพาทีมให้ก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างราบรื่น มีการวิจัยล่าสุดจากนิตยสาร Harvard Business Review ได้ระบุถึง 7 ทักษะสำคัญที่ผู้นำยุคใหม่จำเป็นต้องมี ทักษะเหล่านี้จะช่วยสร้างความแตกต่างและนำพาทีมไปสู่ความสำเร็จ ไม่ใช่แค่การรอดพ้นวิกฤตเท่านั้น
- ทักษะการสื่อสาร การวางแผน การแก้ไขปัญหา เป็นทักษะพื้นฐานที่ต้องมีไปแล้ว
- Linda Hill ศาสตราจารย์จาก Harvard Business School ผู้เชี่ยวชาญด้านการเป็นผู้นำระดับโลก กล่าวว่า “ผู้นำที่ยอดเยี่ยมไม่ได้เกิดมาพร้อมกับความสามารถพิเศษ แต่พวกเขามักจะตั้งใจให้ตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเรียนรู้, ปรับตัว, และเติบโต”
- 7 ทักษะของผู้นำที่ประสบความสำเร็จต้องมี ได้แก่ เป็นตัวของตัวเอง ความอยากรู้อยากเห็นความสามารถทางการวิเคราะห์ ความสามารถในการปรับตัว ความคิดสร้างสรรค์ ความยืดหยุ่น ความเห็นอกเห็นใจ
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางทักษะที่จำเป็นทั้ง 7 ประการนั้น สิ่งที่ทำให้ผู้นำระดับแนวหน้าโดดเด่นและมีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนได้ มีบางสิ่งที่ลึกลับและดูเหมือนจะเกินกว่าความสามารถธรรมดา
ผู้นำที่ยอดเยี่ยมมักจะมี “ปัจจัยพิเศษ” หรือคุณสมบัติบางประการที่ทำให้พวกเขามีมุมมองที่แตกต่างและรู้สึกเหมือนได้รับการบันดาลใจในการตัดสินใจครั้งสำคัญอย่างเป็นธรรมชาติ
คุณลักษณะหรือปัจจัยพิเศษนี้เกิดจากผสมผสานระหว่างประสบการณ์ในอดีต การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ความเชื่อมั่นในตนเอง รวมถึงความใฝ่รู้และไหวพริบปฏิภาณอันแหลมคมของผู้นำ เมื่อผนวกรวมกับทักษะพื้นฐานต่าง ๆ ที่จะกล่าวในย่อหน้าล่าง จะช่วยสร้างบุคลิกภาพและความเป็นผู้นำที่หาได้ยากยิ่งในบรรดาผู้นำทั้งหลาย เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความประทับใจและส่งผลให้ทีมงานเกิดความเลื่อมใสศรัทธาอย่างแท้จริง
ตามที่ Linda Hill ศาสตราจารย์จาก Harvard Business School ผู้เชี่ยวชาญด้านการเป็นผู้นำระดับโลกกล่าวว่า “ผู้นำที่ยอดเยี่ยมไม่ได้เกิดมาพร้อมกับความสามารถพิเศษ แต่พวกเขามักจะตั้งใจให้ตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเรียนรู้ ปรับตัว และเติบโต เป็นการฝึกฝนความอดทนและความแข็งแกร่งในการกระตุ้นและนำลูกน้องให้ไปถึงเป้าหมาย”
นอกจากนี้เธอยังได้ระบุ 7 ทักษะเพื่อเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ
7 ทักษะเพื่อเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ
1. เป็นตัวของตัวเอง (Authenticity)
ความเป็นตัวของตัวเองเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากสำหรับผู้นำที่ประสบความสำเร็จ เพราะจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจจากทีมงาน
การเป็นผู้นำที่ซื่อสัตย์ต่อตัวเองไม่เพียงแต่หมายถึงการแสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการยอมรับและเรียนรู้จากข้อบกพร่องของตนเอง รวมทั้งการแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกอย่างเหมาะสม
ในฐานะผู้นำ การเป็นตัวของตัวเองจะช่วยให้คุณสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับทีมงานของคุณได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากพวกเขาจะรับรู้ได้ถึงความจริงใจและความโปร่งใสของคุณ ทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจและไว้วางใจคุณมากขึ้น นอกจากนี้ การเป็นตัวของตัวเองยังจะช่วยให้คุณสามารถสื่อสารและถ่ายทอดวิสัยทัศน์ของคุณได้อย่างชัดเจนและน่าเชื่อถือ
อย่างไรก็ตาม การเป็นตัวของตัวเองไม่ได้หมายความว่าคุณต้องแสดงออกทุกอย่างที่คิดโดยไม่มีการกลั่นกรอง แต่เป็นการแสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริงโดยไม่เดือดร้อนหรือทำร้ายคนอื่น
“ผู้นำที่ประสบความสำเร็จควรมีความสามารถในการรักษาสมดุลระหว่างการเป็นตัวของตัวเองและการเคารพผู้อื่น”
2. อยากรู้อยากเห็น (Curiosity)
ความอยากรู้อยากเห็นช่วยผลักดันให้เกิดการเรียนรู้และคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ผู้นำที่ดีจะต้องไม่คิดว่าตนเองฉลาดที่สุด แต่ควรเปิดกว้างที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
กล้าที่จะออกจากความคุ้นเคยหรือ Comfort Zone เพื่อพบประสบการณ์และมุมมองใหม่ ๆ ไม่ปิดกั้นความคิดของตนเอง เพื่อนร่วมงาน หรือผู้ใต้บังคับบัญชา แต่จะพร้อมรับฟังและให้โอกาสแก่ความคิดเห็นที่แตกต่าง มองว่าทุกสิ่งสามารถเป็นไปได้ และพร้อมที่จะคิดค้นวิธีการใหม่ ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาหรือพัฒนาสิ่งต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น
การมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างไม่หยุดนิ่งจะช่วยให้ผู้นำ สามารถนำพาองค์กรก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ปรับปรุงและพัฒนาอยู่เสมอ หากผู้นำอยากประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องปลูกฝังคุณสมบัตินี้ให้แก่ตนเองและส่งเสริมให้เกิดขึ้นในทีมงานด้วย
3. ความสามารถทางการวิเคราะห์ (Analytical prowess)
ผู้นำต้องคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทายและต้องตัดสินใจในประเด็นที่มีความสลับซับซ้อน
ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์จะช่วยให้ผู้นำสามารถแยกแยะองค์ประกอบต่าง ๆ ของปัญหา ระบุสาเหตุหลักและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประเมินข้อมูลและข้อเท็จจริงที่สำคัญ ด้วยความสามารถนี้ ผู้นำจะสามารถมองเห็นภาพรวมของสถานการณ์ได้ชัดเจนขึ้น ค้นหาวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสมและสร้างสรรค์ คิดค้นวิธีการใหม่ ๆ ที่แตกต่างจากวิธีการเดิม
สามารถดึงประสบการณ์ ข้อมูลและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมถึงการประเมินผลกระทบด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบ มาใช้ในการตัดสินใจให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ในบางครั้ง การแก้ปัญหาอาจจำเป็นต้องมีการคิดนอกกรอบและกล้าเสี่ยง ผู้นำต้องมีความกล้าหาญที่จะทดลองวิธีการใหม่ ๆ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงบางประการ แต่ก็ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังและประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบ
4. ปรับตัวเร็ว (Adaptability)
ในโลกยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ความสามารถในการปรับตัวจึงเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้นำที่ประสบความสำเร็จ เพราะช่วยให้สามารถรับมือกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่คลุมเครือและผันผวนได้อย่างคล่องตัว
ผู้นำที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวได้ดีจะมีความได้เปรียบในการนำองค์กรให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด เทคโนโลยี และความต้องการของลูกค้า พวกเขาจะสามารถประเมินสถานการณ์ใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือแผนปฏิบัติการได้ทันท่วงที รวมถึงพร้อมที่จะเรียนรู้ทักษะหรือแนวทางใหม่ๆ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้
ความสามารถในการปรับตัวยังช่วยส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมองค์กรที่มีความยืดหยุ่นและกระตือรือร้นในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ผู้นำที่มีทักษะด้านนี้จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ทีมงาน โดยการแสดงให้เห็นถึงความเต็มใจที่จะก้าวออกจากพื้นที่ปลอดภัย ลองสิ่งใหม่ ๆ และยอมรับความผิดพลาด กระตุ้นให้สมาชิกในทีมมีความกล้าที่จะเสี่ยงและทดลองวิธีการใหม่ ๆ เช่นกัน
แต่การปรับตัวอย่างรวดเร็วไม่ควรหมายถึงการตัดสินใจโดยขาดการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ แต่เป็นสร้างความสมดุลระหว่างความคล่องแคล่วกับการวางแผนอย่างมีกลยุทธ์ ผู้นำควรวิเคราะห์ข้อมูลและสถานการณ์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจเปลี่ยนแปลง
5. ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)
ความคิดสร้างสรรค์ ช่วยให้สามารถมองเห็นโอกาสและแนวทางใหม่ๆ รวมถึงสร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะนำพาองค์กรไปสู่ความได้เปรียบในการแข่งขัน
หนึ่งในแนวคิดสำคัญเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์คือ “Adjacent Possible” ซึ่งหมายถึงช่วงของความเป็นไปได้ที่อยู่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน ความคิดนวัตกรรมมักเกิดขึ้นจากการสำรวจและต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว มากกว่าการคิดค้นสิ่งใหม่ขึ้นมาจากศูนย์
ผู้นำที่มีความคิดสร้างสรรค์จะสามารถมองเห็นโอกาสและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ จากสิ่งที่มีอยู่รอบตัว เช่น ผสมผสานแนวคิดจากหลากหลายแหล่ง ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานเดิมให้ทันสมัยขึ้น หรือประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ากับธุรกิจอย่างสร้างสรรค์
นอกจากนี้ ผู้นำที่มีความคิดสร้างสรรค์ยังจะสามารถสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการคิดนอกกรอบและการทดลองสิ่งใหม่ๆ ให้แก่ทีมงาน โดยการให้โอกาสในการแสดงความคิดเห็น ยอมรับความผิดพลาด และส่งเสริมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ความคิดสร้างสรรค์จำเป็นต้องควบคู่ไปกับความสามารถในการแปลงแนวคิดเหล่านั้นให้เป็นจริง ผู้นำจึงจำเป็นต้องมีทักษะในการบริหารจัดการนวัตกรรม วางแผนกลยุทธ์ และนำไปปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ
6. ความยืดหยุ่น (Resilience)
ในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความยืดหยุ่นจึงเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้นำที่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากจะช่วยให้สามารถรับมือกับอุปสรรคและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากถามว่า “ความยืดหยุ่น” ในบริบทการทำงานหมายถึงอะไร คงหมายถึงความสามารถในการฟื้นคืนสภาพจากความยากลำบาก ความผิดหวัง หรือความล้มเหลวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้นำที่มีความยืดหยุ่นสูงจะไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคต่างๆ แต่จะมองว่าเป็นโอกาสในการเรียนรู้และปรับปรุงตนเอง
การมีวิสัยทัศน์ที่มั่นคงและไม่เปลี่ยนแปลงง่ายนั้นดีสำหรับผู้นำ แต่ในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันสูง การยึดติดกับวิสัยทัศน์เดิมๆ โดยไม่ยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนอาจกลายเป็นอุปสรรคในการประสบความสำเร็จ
ดังนั้น ผู้นำที่ประสบความสำเร็จจึงต้องตระหนักถึงลักษณะที่เปลี่ยนแปลงได้ของสถานการณ์ต่างๆ และแสดงความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนแนวทางหากจำเป็น หากพวกเขาเบี่ยงเบนจากเส้นทางหรือวิสัยทัศน์เดิม ไม่ควรยึดติดกับแผนเดิมจนเกินไป แต่ควรประเมินสถานการณ์อย่างเป็นกลางและพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หากจำเป็น
7. ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy)
ความเห็นอกเห็นใจ จะช่วยให้สามารถเข้าใจและเชื่อมโยงทีมงานทั้งอารมณ์ แรงจูงใจในการทำงานและประสบการณ์ได้อย่างลึกซึ้ง นำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น สร้างความไว้วางใจ และความผูกพันที่แข็งแกร่งกับสมาชิกในทีม
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจจะสามารถรับรู้และเข้าใจความรู้สึก ความคิด และแรงจูงใจของผู้อื่นได้อย่างชัดเจน ทำให้พวกเขาสามารถสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับผู้คนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงตอบสนองความต้องการของทีมงานที่มีความหลากหลายได้อย่างเหมาะสม
ความเห็นอกเห็นใจยังเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างบรรยากาศการทำงานที่เปิดกว้าง ส่งเสริมให้สมาชิกในทีมรู้สึกปลอดภัยและกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ เมื่อผู้นำให้ความสำคัญกับความรู้สึกของทีมงาน จะทำให้ผู้คนรู้สึกได้รับการเคารพและมีคุณค่า ส่งผลให้เกิดความผูกพันและความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์กร
และที่สำคัญ ความเห็นอกเห็นใจจะช่วยให้ผู้นำสามารถจัดการกับความขัดแย้งและสถานการณ์ที่ยากลำบากได้อย่างราบรื่นมากขึ้น เนื่องจากพวกเขาจะเข้าใจมุมมองและความรู้สึกของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จึงสามารถหาทางออกที่สร้างสรรค์และยุติธรรมต่อทุกฝ่ายได้
Beyond Training อยากชวนผู้นำทุกท่านเช็กลิสต์ จาก 7 ทักษะนี้มีกันไปแล้วกี่ข้อ? ถ้ารู้สึกว่าตัวเองยังขาดทักษะบางอย่างไปและอยากเติมเต็ม เพื่อยกระดับตัวเองสู่ผู้นำยุคใหม่ที่เก่งทำงาน บริหารคนเป็น ลูกน้องรัก เคารพ ทุ่มเท ไม่มีใครอยากลาออก
“เพราะผู้นำที่เก่ง สามารถสร้างได้จริง”
Beyond Training ได้ออกแบบ Adaptive Leadership Series โปรแกรมพัฒนาผู้นำยุคใหม่ให้เก่งจริง สามารถปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงทางโลกธุรกิจ และบริหารผลงานผ่านทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ คลิก!