เมื่อสถานการณ์ของโลกธุรกิจเปลี่ยนแปลง การแสดงออกถึงภาวะความเป็นผู้นำก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตามไปด้วยเช่นกัน จนเริ่มเป็นที่พูดถึงของลักษณะความเป็นผู้นำสมัยใหม่ที่เรียกกันว่า Agile Leadership หรือภาวะการปรับตัวเข้ากับสภาวะแวดล้อมได้อย่างรวดเร็ว เพราะเหตุใดความเป็นผู้นำแบบ Agile ถึงสำคัญมากในช่วงวิกฤติเช่นนี้?
จากข้อมูลของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (TDRI) ที่ค่อนข้างน่าสนใจมากเกี่ยวกับความพลิกผันของโลกในปัจจุบัน โดยระบุว่าโลกกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ เปลี่ยนไว (Volatility) ไม่แน่นอน (Uncertainly) ซับซ้อน (Complexity) คลุมเครือ (Ambiguity) ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุให้บุคลากรในโลกธุรกิจทั้งหลายต้องรีบปรับเปลี่ยนบทบาทของผู้นำตนเองให้เข้ากับโลกยุคใหม่นี้อย่างรวดเร็วที่สุด
ในบทความนี้ได้นำตัวอย่างเกี่ยวกับวิกฤติการณ์ VUCA ที่ให้ข้อมูลโดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (TDRI) มาเป็นกรณีศึกษาเพื่อความเข้าใจ พร้อมแนวทางรับมือกับวิกฤติในบทบาทของผู้นำยุคใหม่ (Agile
Leadership)
V (Volatility) : เปลี่ยนไว
- ปัจจัย (Factors) = เกิดความเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมอย่างรวดเร็วในแต่ละช่วงเวลา
- ผลกระทบ (Effects) = เกิดความเสี่ยงของโลกธุรกิจรวมถึงความไม่เชื่อมั่นของบุคลากรในองค์กร อันเนื่องมาจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิด
- แนวทางแก้ไขแบบ Agile Leadership = Vision (ปรับมุมมอง) ผู้นำจะต้องเปิดรับมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น วิธีการแก้ไขปัญหาเดิมๆอาจไม่ได้ผล ต้องเริ่มจากเปลี่ยน Mindset และปรับพฤติกรรมตนเอง เพื่อแสดงให้ลูกทีมเห็นถึงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นที่จะพาทีมก้าวผ่านวิกฤติไปได้
U (Uncertainly) : ไม่แน่นอน
- ปัจจัย (Factors) = เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ผิดไปจากการคาดการณ์ รวมถึงขาดข้อมูลที่ถูกต้องสำหรับการแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
- ผลกระทบ (Effects) = ธุรกิจจะหยุดชะงัก บางองค์กรเกิดสภาวะถดถอยไม่สามารถไปต่อได้ ส่งผลต่อความมั่นคงในอาชีพของบุคลากรโดยตรง
- แนวทางแก้ไขแบบ Agile Leadership = Understanding (รู้และเข้าใจ) เนื่องจากวิกฤติที่กำลังประสบอยู่เป็นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ผู้นำจึงต้องหมั่นศึกษาข้อมูลชุดใหม่ๆ เพิ่มเติมความรู้ในด้านที่จำเป็นต่อการพัฒนาองค์กร รวมถึงการมองในหลากหลายแง่มุม เพื่อพาองค์กรเอาตัวรอดไปสู่ธุรกิจยุคใหม่ให้สำเร็จ
C (Complexity) : ความซับซ้อน
- ปัจจัย (Factors) = เกิดความสัมพันธ์เบื้องลึกและซับซ้อนกับโลกธุรกิจ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง มีอิทธิพลจากบางตัวแปรเข้ามาเกี่ยวข้อง
- ผลกระทบ (Effects) = ในภาวะวิกฤติของธุรกิจสมัยใหม่ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นจะเกิดความยุ่งยากในการแก้ผลกระทบที่เกิดจากปัญหาจะกระจายต่อไปแบบโดมิโน ที่หาจุดสิ้นสุดยากขึ้น
- แนวทางแก้ไขแบบ Agile Leadership = Clearity (สร้างความชัดเจน) ผู้นำจะต้องเรียนรู้การจัดระเบียบความคิดล้างข้อมูลที่ใช้ไม่ได้ผลหรือข้อมูลเก่าๆ ต้องพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ขั้นสูง ถึงจะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้
A (Ambiguity) : ความคลุมเครือ
- ปัจจัย(Factors) = เมื่อทุกธุรกิจต้องเผชิญสภาวะวิกฤติที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงต่างๆ อาจจะถูกนำไปตีความหรือแปลแก่นสารออกเป็นข้อมูลใหม่
- ผลกระทบ (Effects) = จากข้อมูลที่มีอยู่มากมาย ทำให้เกิดความไม่มั่นใจจุดเปลี่ยน หรือการนำมาซึ่งแนวทางใหม่ๆ ในการพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาธุรกิจ ซึ่งก็ต้องมาพิสูจน์ว่าแนวทางเหล่านั้น ใช้ได้ผลจริงหรือไม่
- แนวทางแก้ไขแบบ Agile Leadership = Agility (ฉลาดและว่องไว) ผู้นำจะต้องมีไหวพริบเรียนรู้หาแนวทางใหม่ๆในการพัฒนาธุรกิจด้วยการใช้เหตุผลและข้อมูลที่เป็นจริงมาวิเคราะห์ และต้องพัฒนาทักษะการตัดสินใจที่ถูกต้องและเด็ดขาดรวมถึงการหาแผนสำรองไว้ในยามฉุกเฉินอยู่เสมอ
แหล่งอ้างอิงข้อมูล : หลักสูตร Agile Leadership , https://www.vuca-world.org , สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (TDRI)