โลกธุรกิจเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มตัว หลังจากที่ต้องเผชิญกับกระแสความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา สิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้น แต่บางสิ่งถูกกลืนหายไป ผู้นำองค์กรจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการวางแผนกลยุทธ์ (Strategic Planning) เพื่อจะปรับเปลี่ยนให้องค์กรอยู่รอด และสามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่ธุรกิจยุคใหม่ได้ แน่นอนว่าจะต้องมีการแข่งขันที่สูงขึ้นกว่าเดิมกับคู่แข่งทางธุรกิจอื่น ๆ
บทความนี้จะได้ทำความรู้จักกับ 2 เครื่องมือที่จะช่วยให้รู้เขารู้เราอย่าง (1) เครื่องมือ Five Forces Analysis การวิเคราะห์แรงกดดันจากปัจจัยภายนอก และ (2) เครื่องมือ SWOT การวิเคราะห์องค์กรของตนเองเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการตลาด ซึ่งเครื่องมือ 2 ชนิดนี้มีความสำคัญอย่างมากที่จะช่วยเหลือผู้นำองค์กรในการวิเคราะห์ตลาด สร้างจุดแข็งให้ธุรกิจตนเอง เพื่อต่อยอดความได้เปรียบในการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ ที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่ง
รู้เขา : Five Forces Analysis การวิเคราะห์แรงกดดันจากปัจจัยภายนอก (External Environment Analysis)
เครื่องมือวิเคราะห์การตลาด Five Forces Framework ถูกคิดค้นขึ้นมาโดย Michael E.Potter ซึ่งได้เผยแพร่เป็นครั้งแรกในปีค.ศ. 1979 ตีพิมพ์ในนิตยสาร Harvard Business Review เป็นเครื่องมือที่จะช่วยสำรวจวิเคราะห์แรงกดดันจากภายนอก (External Environment Analysis) มีส่วนประกอบทั้งหมด 5 ส่วนดังนี้
1. Threat of New Entrants การคุกคามที่มาจากคู่แข่งใหม่
การวิเคราะห์ว่าใครที่จะเข้ามาเป็นคู่แข่งรายใหม่ ตามกลไกทางธุรกิจถ้าธุรกิจใดที่ทำกำไรได้สูง ย่อมมีคู่แข่งที่จะมาเปิดธุรกิจแบบเดียวกันเพิ่มมากขึ้น นั่นหมายความว่าอัตราส่วนแบ่งทางการตลาดที่จะได้รับน้อยกว่าเดิม เพราะมีจำนวนคู่แข่งธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น อาจจะต้องวางกลยุทธ์ให้ดี ว่าจะทำวิธีการใดให้ลูกค้ายังสนใจสินค้าและบริการเราอยู่เหมือนเดิม
2. Threat of Substitutes Products Or Services การคุกคามที่มาจากสินค้าบริการทดแทน
การคุกคามประเภทนี้อาจจะไม่ได้มาจากธุรกิจที่ผลิตสินค้าหรือบริการประเภทเดียวกับเรา แต่มาในรูปแบบวัตถุประสงค์การใช้งานที่คล้ายคลึงกัน ทำให้เกิดตัวเลือกที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า ที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ
3. Bargaining Power Of Buyers อำนาจของลูกค้าในการต่อรอง
เมื่อมีคู่แข่งมากขึ้น แน่นอนว่าอำนาจการต่อรองอาจจะไปอยู่กับลูกค้า ที่จะขอลดราคาของสินค้า หรือเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้แทน ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจการตัดสินใจของผู้ประกอบการ ที่ต้องหาสมดุลย์ให้เจอระหว่างกำไรกับความต้องการลูกค้า เพื่อรักษาความมั่นคงให้กับธุรกิจของตนเอง
4. Bargaining Power Of Suppliers อำนาจของคู่ค้าในการต่อรอง
การเจรจากับคู่ค้าก็เป็นอีกสิ่งสำคัญ การขึ้นหรือลดราคาของวัตถุดิบ ก็อยู่ที่การต่อรองกับคู่ค้า เพราะหากการนำเข้าวัตถุดิบในราคาสูงนั่นย่อมส่งผลต่อราคาขายที่อาจจะต้องสูงขึ้น แล้วจะเกิดผลกระทบอะไรต่อยอดขายหรือไม่ ดังนั้น ผู้ประกอบการอาจจะต้องหาวิธีที่จะต่อรองเพื่อนำเข้าวัตถุดิบให้ราคาต่ำที่สุด เพื่อจะไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการตั้งราคาขาย
5. Rivalry Among Existing Competitors การแข่งขันของคู่แข่งรอบตัว
การวิเคราะห์ความเข้มเข้นของการแข่งขัน จากส่วนประกอบทั้ง 4 ส่วนอย่าง การคุกคามที่มาจากคู่แข่งใหม่ , การคุกคามที่มาจากสินค้าบริการทดแทน , อำนาจของลูกค้าในการต่อรอง ,อำนาจของคู่ค้าในการต่อรอง เพื่อวางแผนกลยุทธ์อย่างรัดกุม เพราะหากการแข่งขันมีความเข้มข้นสูง จำนวนคู่แข่งเยอะ ก็ต้องพิจารณาความเสี่ยงอย่างถี่ถ้วน ว่าคุ้มค่าหรือไม่ที่จะนำสินค้าหรือบริการไปลงทุนในการแข่งขันที่สูงเช่นนี้
รู้เรา : SWOT การวิเคราะห์ทางการตลาดของธุรกิจตัวเอง (External Environment Analysis)
เครื่องมือวิเคราะห์ SWOT Analysis เป็นเทคนิควิเคราะห์ทางการตลาดของธุรกิจตัวเองเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการตลาด โดยมีส่วนประกอบ 4 ตัว ดังนี้
1. S = Strengths (จุดแข็ง)
การวิเคราะห์จุดแข็งหรือข้อได้เปรียบของธุรกิจตนเอง ไม่ว่าจะเป็นในด้านของสินค้าหรือบริการ ที่ทำให้ธุรกิจของเรามีความโดดเด่นเหนือคู่แข่ง
2. W = Weaknesses (จุดอ่อน)
การวิเคราะห์จุดอ่อนหรือข้อเสียเปรียบของธุรกิจตนเองที่เป็นรองคู่แข่ง
3. O = Opportunities (โอกาส)
การวิเคราะห์โอกาสต่าง ๆ ที่จะสามารถช่วยพัฒนาธุรกิจให้แข็งแกร่งขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาพฤติกรรมลูกค้า แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือหนทางการต่อยอดธุรกิจให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เป็นต้น
4. T = Threats (อุปสรรค)
ภัยคุกคามจากภายนอก ที่มองว่าจะเข้ามาสร้างอุปสรรคให้กับการดำเนินธุรกิจของเราได้ อย่างเช่น ในสถานการณ์ไวรัส Covid -19 ปัจจุบัน ที่อาจเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลในด้านลบกับการพัฒนาธุรกิจ
แหล่งอ้างอิงข้อมูล : https://hbr.org/2008/01/the-five-competitive-forces-that-shape-strategy