เชื่อว่าคนทำงานสาย Creative หรือผู้ที่เป็นหัวเรือใหญ่ขององค์กร ต่างต้องเคยประสบปัญหา ไอเดียไม่พุ่ง หมดมุก หรือคิดอะไรก็ดันไปซ้ำกับที่ใครเขาเคยทำกันแล้ว
ปัจจุบันเกิดวิกฤติการณ์ทางธุรกิจชนิดที่เรียกได้ว่า หนักหนาสาหัส ทุกองค์กรต่างเผชิญความท้าทายในหลายรูปแบบ จึงจำเป็นต้องระดมไอเดียของบุคลากรเพื่อสร้างสรรค์ให้เกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ในองค์กร เพื่อไปแข่งขันกับคู่ธุรกิจอื่น ๆ แต่การคิดค้นไอเดีย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์หรือมันสมองเพียงเท่านั้น แต่ทุกสิ่งอย่างมีกระบวนที่ต้องสร้างเพื่อให้เกิดขึ้นจริงและนำไปประยุกต์ใช้ได้
จากหลักสูตร Unlock Your Creativity ได้มีหลาย Framework ที่คิดค้นมาเพื่อปลดล็อคไอเดียให้กับบุคลากรในองค์กร ที่จะใช้เป็นแนวทางต่อยอดไปสู่การสร้างนวัตกรรมในองค์กรของตนเองได้ หนึ่งในนั้นคือ SCAMPER MODEL เคล็ดลับที่ช่วยให้องค์กรได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ขึ้นมา หรือปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่เดิมให้ดีขึ้นได้
SCAMPER MODEL
S = Substitute (การทดแทน)
การหาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆมาทดแทนผลิตภัณฑ์เดิมที่มีปัญหา หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้น เช่น การเรียกแท็กซี่ผ่านแอปพลิเคชัน Grab จากเมื่อก่อนที่ผู้คนมีปัญหาในการเรียกรถแท็กซี่มักปฎิเสธผู้โดยสาร แต่เมื่อนำแอปพลิเคชันมาใช้ก็สามารถแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ได้ ทำให้เกิดความสะดวก และความพึงพอใจอย่างมากของผู้ใช้งาน
C = Combine (ผสมผสาน)
เป็นการนำสิ่งสองสิ่งหรือมากกว่ามารวมกัน เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น โทรศัพท์ในปัจจุบันสามารถผสมผสานฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลาย ทั้งกล้องถ่ายรูป ฟังเพลง เครื่องคิดเลข ตลอดจนการรับส่ง email
A = Adapt (การปรับใช้)
ผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการส่วนใดที่สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขเพื่อลบจุดอ่อน และเพิ่มโอกาสให้สินค้าบริการดียิ่งขึ้นได้บ้าง เช่น การปรับเปลี่ยนรูปแบบที่นั่งในโรงภาพยนตร์ เป็นแบบโซฟามีผ้าห่ม ให้ความรู้สึกเหมือนการนอนดูหนังที่บ้าน
M = Modify/Magnify/Minify (การปรับปรุง/ขยาย/ลด)
ผลิตภัณฑ์สามารถเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติ เพิ่มหรือลดคุณสมบัติส่วนไหนได้บ้าง เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การคิดค้นจอ LCD ทำให้จอทีวีในปัจจุบันมีขนาดเล็กลง เบาบางลงรวมถึงสามารถนำไปปรับใช้เป็นหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้
P = Put to Other Uses (การประยุกต์ใช้)
เป็นการประยุกต์ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ไปใช้ประโยชน์ให้เข้ากับสิ่งอื่น เช่น การนำมูลสัตว์มาทำเป็นแก๊ส การนำห้องพักที่ว่างไม่ได้ใช้มาให้บริการปล่อยเช่าแก่คนที่สนใจ จะเห็นได้ว่าจากสิ่งเดิมที่มีอยู่ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้สร้างประโยชน์กับเราได้
E = Eliminate (การตัดทิ้ง/การขจัดออก)
การตัดบางส่วนของผลิตภัณฑ์ออกเพื่อให้สามารถใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้นหรือสามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงของผลิตภัณฑ์บางอย่างให้รูปลักษณ์ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น เช่น โทรศัพท์มือถือในปัจจุบันตัดเอาปุ่มกดออกและสามารถใช้แบบสัมผัสแทนการกดปุ่ม อีกทั้งรูปทรงยังมีความบางเบาสะดวกแก่การพกพา ทำให้ผู้ใช้งานประทับใจเป็นอย่างมาก
R = Rearrange/Reverse (การเรียงใหม่)
เป็นการปรับเปลี่ยนกระบวนการใหม่หรือย้อนปรับกระบวนการ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดสิ่งใหม่ที่ดีกว่าเดิม เช่น การออกแบบโทรศัพท์เปลี่ยนตัวแหน่งของไมโครโฟนและตำแหน่งช่องเสียบหูฟัง เพื่อให้สามารถรับเสียงได้ดีขึ้นและเกิดความสะดวกในการใช้งาน เป็นต้น
อ้างอิงข้อมูลจาก : หลักสูตร Unlock Your Creativity